Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การเลือกซื้อ ลำโพง

การเลือกซื้อลำโพง
การเลือกซื้อลำโพงต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง (How To Buy)
เมื่อทำความรู้จักกับประเภทของลำโพงที่ได้บอกมาแล้ว มาถึงตอนที่ต้องการจะซื้อแล้ว การไปเลือกซื้อลำโพง ให้ตระหนักไว้ว่า การเลือกซื้อลำโพง กับเหมือนกับการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆอย่างเช่น จอภาพ เมาส์ คีย์บอร์ด นั้นคืออุปกรณ์ดังกล่าวอัพเกรดไม่ได้ นอกจากทิ้งและซื้อใหม่สถานเดียว การเลือกลำโพงจึงต้องการความประณีต ต้องการการทดสอบก่อนใช้งาน ต้องการการทดสอบฟังเสียง เพราะบางทีอาจได้ลำโพงที่ไม่ถูกใจ เช่นต้องการเสียงปืนใหญ่ ออกมากลายเป็นเสียงปืนแก๊ป หรือเสียงรถแข่งกลายเป็นเสียงที่ฟังไม่ออกว่าเป็นรถแข่ง ดังนั้นประการแรกเลยก็คือ ทดสอบฟังเสียง ยิ่งถ้าได้ทดสอบกับระบบที่ใช้การ์ดเสียงตัวเดียวกับที่เราเป็นเจ้าของอยู่ก็จะดีมาก เพราะจะได้ทดสอบเพิ่มเติมว่าเสียงที่ได้นั้น ดังที่สุดเท่าใด และเบาที่สุดขนาดไหน
ทดสอบลำโพงก่อนการเลือกซื้อ
การเลือกซื้อลำโพงนั้น เครื่องมือในการทดสอบพลังเสียงที่ดีทีสุดคือ หูของเราเอง อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ในการฟังของแต่ละคนแตกต่างกัน ถ้าหากใครที่เคยมีลำโพง มีระบบมัลติมีเดียมาบ้างแล้ว อาจจะได้รับประสบการณ์จากการใช้งาน การฟังเสียงลำโพงเดิมมาบ้าง แต่ถ้าหากไม่มีประสบการณ์มาก่อนเลย ก็อาจจะทำให้การเลือกซื้อนั้นลำบากไปบ้าง นอกจากนี้สภาพแวดล้อมของการทดสอบฟังเสียงก็ยังแตกต่างกันออกไป เสียงรอบข้างที่รบกวนมีผลทำให้ผลการทดสอบไม่เด่นชัด เลือกไม่ถูกว่า ได้ลำโพงที่ถูกใจหรือยัง แต่สิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งคือ การตัดสินลำโพงจากรูปทรงภายนอก เห็นว่ามีรูปทรงสวยขนาดใหญ่ รูปทรงทันสมัย แสดงว่าอาจจะมีเสียงดี หรือตัดสินจากการทนแรงขับ เป็นวัตต์ของลำโพง เช่น 26 ,96 ,120วัตต์ PMPO /RMS พวกนั้นเป็นสิ่งที่หลอกลวงผู้ซื้อได้ง่ายที่สุด อย่าหลงประเด็นเป็นอันขาด ทำนองเดียวกับเครื่องเสียงมินิคอมโปที่ขายกันอยู่ตามร้านขายเครื่องเสียงทั่วไป การทดสอบทำได้โดยการทดสอบด้านที่ต้องการนำเอาไปใช้งาน ถ้าหากต้องการนำเอาไปฟังเพลงก็ทดสอบว่าเมื่อใช้ฟังเพลง ลำโพงนั้นให้มิติของเสียงครบหรือไม่ เสียงทุ้ม เสียงแหลม ความสมจริงของเสียงดนตรี ประการนี้หากใครเป็นนักเล่นเครื่องเสียง นักฟังเพลงอยู่แล้วก็คงจะง่ายขึ้น หรือเมื่อต้องการซื้อลำโพงไปเล่นเกมส์ ก็ควรได้ลำโพงที่มีลักษณะให้เสียงทุ้มได้มาก ให้เสียงได้ดัง มีกำลังวัตต์สูงๆ เพราะอรรถรสของการเล่นเกมส์นั้น ปฏิเสธกันไม่ได้ว่าเสียงมีส่วนเป็นอย่างมาก
การทดสอบทั่วไปอาจทำโดยการทดสอบเล่นเกมส์ที่มีซาวนด์เอฟเฟ็คหลากหลาย เสียงที่ได้ยินช่วงนี้จะเป็นเสียงสังเคราะห์ซึ่งเหนือจริงเป็นส่วนใหญ่ ทดสอบการเล่นเพลงคาราโอเกะ ซึ่งเสียงจากคาราโอเกะนั้นจะละม้ายคล้ายคลึงกับเสียงดนตรีที่เล่นกันทั่วไป เพราะนอกจากการสังเคราะห์ของ Wave Table เสียงควรใส ให้ความกระจ่างในเสียงดนตรี ทดสอบการฟังเพลงจากแผ่นซีดีเพลง เสียงที่ได้ส่วนนี้อาจจะนำไปเปรียบเทียบกับเสียงที่ได้ยินเมื่อฟังจากเครื่องมินิคอมโปก็ได้ ระหว่างการทดสอบนั้น ควรปรับเสียงดัง-เบา เพื่อทดสอบความแตกต่างด้วย ว่ามีความแตกต่างมากน้อยเพียงใด
ปุ่มฟังก์ชันของลำโพงที่ใช้ในการปรับเสียงให้ตรงกับความต้องการ
หลังจากพิจารณาแล้ว ลำโพงตัวไหนเป็นเสียงที่ยอมรับได้ ต่อไปคือ ดูว่ามีปุ่มแต่งเสียงอย่างไรบ้าง สำหรับลำโพงแบบมีสองข้าง แบบสเตริโอ ควรมีปุ่ม BASS สำหรับการปรับเสียงทุ้ม มีปุ่ม Treble สำหรับการปรับเสียงแหลม มีปุ่ม Balance สำหรับปรับความสมดุลระหว่างเสียงสองข้าง ปุ่ม 3 มิติ สำหรับการเล่นระบบ 3 มิติ จากการตรวจสอบการ์ดเสียงและซอฟต์แวร์ในการใช้งานระบบมัลติมีเดียที่มีใช้ทั่วไปในคอมพิวเตอร์ พบว่าปุ่มฟังก์ชันในการปรับแต่งเสียงเหล่านั้นด้วย ทำให้ไม่สามารถปรับแต่งเสียงในระดับที่พอใจได้ ดังนั้นการเลือกซื้อ ลำโพงที่มีปุ่มปรับเสียงแหลม ทุ้ม ควบคุมระดับความดังของเสียง ควบคุมสมดุลของลำโพงซ้ายขวา จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
สำหรับลำโพงชุดที่มีซับวูเฟอร์ โดยมากมีเพียงปุ่มปรับระดับความดังของเสียง โดยมี 2 ตำแหน่ง สำหรับควบคุมลำโพงคู่ ทั้งซ้ายและขวา 1 ตำแหน่ง และสำหรับการควบคุมซับวูเฟอร์อีก 1 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ในการปรับก็ขึ้นอยู่ความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน ว่าต้องการระดับเสียงทุ้มในปริมาณใด หากน้อยเกินไปก็ไม่ได้ยินเสียงทุ้ม หากมากเกินไปทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงทุ้ม ฟังแล้วไม่เป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตามลำโพงแบบมีซับวูเฟอร์บางรุ่น มีปุ่มควบคุมเสียงทุ้ม เสียงแหลม และปรับระดับเสียงชุดเดียว จะเห็นว่าความแตกต่างนั้นขึ้นกับผู้ผลิตและออกแบบนั้นเอง
ราคาของลำโพง
ราคานับว่าเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อลำโพง ราคาลำโพงสำหรับระบบมัลติมีเดียนั้นมีให้เลือกกันตั้งแต่ราคาร้อยไปจนหลายพันก็มี สำหรับระบบคอมพิวเตอร์แล้ว ลำโพงนั้นควรมีราคาเท่าไรดี ถ้าจะให้เหมาะสมควร 1000 ถึง 6000 บาทไม่ควรน้อยหรือมากไปกว่านี้ เพราะเอาตามหลักการซื้อเครื่องเสียง ราคาลำโพงก็ควรจะมีราคาเท่ากับของราคาของซาวน์การ์ด ดังนั้นในคอมพิวเตอร์ ถ้าการ์ดเสียงราคา 1000 บาท ลำโพงก็ควรราคา 1000 บาท แต่ถ้าลำโพงราคาแพงกว่านั้นก็แสดงว่าจะได้เสียงที่ดีขึ้น เดี๋ยวนี้ราคาซาวนด์การ์ดที่มีคุณภาพดีก็มีราคาที่ลดลงมากแล้วจากแต่ก่อน ลำโพงที่เราซื้อนั้นควรจะมีภาคขยายเสียง (Amplifier) ด้วย ส่วนขนาดของลำโพงควรพอเหมาะพอดีกับโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่ว่าใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไป ถ้าใหญ่เกินไปก็จะเกะกะวางลำบาก ถ้าเล็กเกินไปเสียงก็ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็มีลำโพงที่มีขนาดเล็กแต่เสียงใหญ่เกินตัวก็มี อย่างเช่นลำโพงของ Boston Acoustic ซึ่งเป็นรุ่นที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับระบบคอมพิวเตอร์ มีขนาดที่ไม่ใหญ่ แต่เสียงใหญ่เกินตัว อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเลือกซื้อ แนะนำให้ทำการทดสอบก่อน เพื่อดูว่าเสียงแบบไหนที่เหมาะสมกับท่าน สำหรับชุดลำโพงแบบมีซับวูเฟอร์นั้นราคาจะอยู่ประมาณ 800 จนถึงราคาเกือบหมื่นบาทก็มี ซึ่งลำโพงแบบมีซับวูเฟอร์นี้มีราคาที่ต่ำลงกว่าแต่ก่อนมาก แต่คุณภาพเสียงก็ตามราคานะครับ.
สรุปส่งท้าย
หลังจากพิจารณาความเหมาะสมในการเลือกลำโพง ได้เรียนรู้ประเภทของลำโพงต่างๆ ได้รู้ชนิดของลำโพงต่างๆสำหรับการใช้งานจริง ๆ ของคุณแล้ว ต่อไปก็ตัดสินใจด้วยหูของคุณเอง ก่อนที่จะเลือกซื้อ ให้ลองฟังเสียงลำโพงหลาย ๆ ยี่ห้อที่มีระดับราคาเดียวกัน และเป็นราคาที่ท่านสามารถซื้อได้ ถ้าเจอลำโพงเสียงแบบที่คุณถูกใจ สเปกของลำโพงก็อาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปก็ได้ครับ เพราะมักมีผู้กล่าวไว้ว่าเรื่องของเสียงไม่มีคำว่าผิดหรือถูก มีแต่ว่าชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น จึงเป็นหน้าที่ที่คุณจะต้องตัดสินใจ
http://support.mof.go.th/paycom/spe.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น