5 วิธีดูแลรักษาแฟลชไดร์สุดรัก
1. เก็บไว้ใกล้ตัว-ไม่ต้องกลัวหาย
นับวันแฟลชไดร์จะมีขนาดเล็กลง และหายง่ายมาก (ถูกขโมยก็ง่ายด้วย) มีไม่น้อยที่มักจะหลงลืมไว้ตามที่ต่างๆ เวลาหยิบออกมาวาง หรือแม้แต่ติดไปกับเครื่องคอมพ์ชาวบ้านเพราะลืมขอคืน บางคนชอบคล้องไว้กับกุญแจ ซึ่งเป็นของที่ชอบทำหายอันดับต้นๆ
วิธีน่าสนใจที่สุดคือ เลือกรุ่นที่มีสายคล้องคอไว้ แม้จะดูไม่สวยงามเท่าไร แต่มันลดโอกาสทำหาย และถูกขโมยได้เกือบ 100% อีกนิดนึง ควรเลือกรุ่นที่สายต่ออยู่กับตัวแฟลชไดร์ หลีกเลี่ยงการเลือกใช้รุ่นที่สายคล้องคอผูกกับฝาครอบ
2. ระวังไวรัส
ต้องถือเป็นข้อควรระวังในการใช้งานแฟลชไดร์อันดับต้นๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้วแฟลชไดร์จะมีลักษณะการใช้งานเหมือนกับฟลอปปี้ดิสก์ ซึ่งนั่นหมายความว่า ไวรัสสามารถใช้แฟลชไดร์เป็นสื่อพาหะสำหรับการแพร่กระจายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเวลาใช้งานแฟลชไดร์คุณควรแน่ใจก่อนว่า เป็นการถ่ายโอนเฉพาะไฟล์ข้อมูลเท่านั้น (ไม่ได้ติดไวรัสมาด้วย)
ประเด็นที่สำคัญก็คือ ควรแน่ใจว่าคุณกำลังเชื่อมต่อแฟลชไดร์กับคอมพิวเตอร์ที่รันซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ได้รับการอัพเดตสม่ำเสมอ และในกรณีที่คอมพ์ของคุณรันแอนตี้ไวรัส เวลาต่อกับแฟลชไดร์ ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสในเครื่องคอมพ์จะสแกนแฟลชไดร์ให้ด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่แน่ใจแฟลชไดร์ที่รับมา ก็ไม่ควรเชื่อมต่อเข้ากับคอมพ์ของคุณเด็ดขาด
3. เข้ารหัสข้อมูล เพื่อรักษาความลับ
ถ้าหากแฟลชไดร์ของคุณหาย นั่นหมายความข้อมูลของคุณตกไปอยู่ในมือของผู้ที่พบมันด้วย และถ้าหากคนผู้นั้นบังเอิญเป็นคู่แข่งคุณโดยตรง อะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้น หากคุณใช้แฟลชไดร์เก็บข้อมูลสำคัญ การเข้ารหัสข้อมูลดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้
การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) จะทำให้ข้อมูลเปิดอ่านไม่รู้เรื่องจนกว่าจะได้รับพาสเวิร์ดที่ถูกต้อง ซึ่งควรเลือกเข้ารหัสที่ระดับ 128 บิต เพื่อความปลอดภัย แฟลชไดร์รุ่นใหม่ๆ จะมาพร้อมกับคุณสมบัติการเข้ารหัสข้อมูลมาด้วย แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจนะว่า ซอฟต์แวร์ที่ให้มาไม่ใช่รุ่นทดลอง เพราะไม่เช่นนั้น คุณอาจจะต้องจ่ายตังค์ค่าซอฟต์แวร์ในภายหลัง
4. สำรองข้อมูลให้เป็นนิสัย
ไม่ปฏิเสธครับว่า เวลาแฟลชไดร์หาย เราคงรู้สึกไม่ดีแน่นอน แม้ข้อมูลที่อยู่ในนั้นจะได้รับการปกป้องด้วยการเข้ารหัสไว้แล้วก็ตาม แหม...ก็มันต้องเสียเงินอีกแล้วน่ะสิ แต่มันคงรู้สึกเจ็บใจเป็นสองเท่า หากข้อมูลที่อยู่ในนั้นเราไม่เคยได้ทำแบ็กอัพสำรองเอาไว้เลย
ดังนั้น วิธีที่สุดคือ แนะนำให้คุณสำรองแฟลชไดร์ไว้สักสองสามก๊อปปี้ เพราะนอกจากพวกมันจะหายง่ายแล้ว ยังเสียง่ายอีกด้วย เนื่องจากแฟลชไดร์ส่วนใหญ่จะใช้กรอบเป็นพลาสติก ซึ่งแตกหักได้ง่าย
5. ถอดแฟลชไดร์ออกจากเครื่องอย่างถูกต้อง
ก่อนที่คุณจะดึงแฟลชไดร์ออกจากพอร์ตยูเอสบีบนคอมพิวเตอร์ ให้คุณปิดโปรแกรมทุกตัวที่มีการเข้าถึงไฟล์ต่างๆบนแฟลชไดร์เสียก่อน จากนั้นคลิกไอคอน Safely Remove Hardware (ที่มีลูกศรสีเขียวปรากฎอยู่ในมุมล่างขวาบนทาสก์บาร์) แล้วคลิกเลือกแฟลชไดร์ที่ปรากฏอยู่ในรายการ
1. เก็บไว้ใกล้ตัว-ไม่ต้องกลัวหาย
นับวันแฟลชไดร์จะมีขนาดเล็กลง และหายง่ายมาก (ถูกขโมยก็ง่ายด้วย) มีไม่น้อยที่มักจะหลงลืมไว้ตามที่ต่างๆ เวลาหยิบออกมาวาง หรือแม้แต่ติดไปกับเครื่องคอมพ์ชาวบ้านเพราะลืมขอคืน บางคนชอบคล้องไว้กับกุญแจ ซึ่งเป็นของที่ชอบทำหายอันดับต้นๆ
วิธีน่าสนใจที่สุดคือ เลือกรุ่นที่มีสายคล้องคอไว้ แม้จะดูไม่สวยงามเท่าไร แต่มันลดโอกาสทำหาย และถูกขโมยได้เกือบ 100% อีกนิดนึง ควรเลือกรุ่นที่สายต่ออยู่กับตัวแฟลชไดร์ หลีกเลี่ยงการเลือกใช้รุ่นที่สายคล้องคอผูกกับฝาครอบ
2. ระวังไวรัส
ต้องถือเป็นข้อควรระวังในการใช้งานแฟลชไดร์อันดับต้นๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้วแฟลชไดร์จะมีลักษณะการใช้งานเหมือนกับฟลอปปี้ดิสก์ ซึ่งนั่นหมายความว่า ไวรัสสามารถใช้แฟลชไดร์เป็นสื่อพาหะสำหรับการแพร่กระจายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเวลาใช้งานแฟลชไดร์คุณควรแน่ใจก่อนว่า เป็นการถ่ายโอนเฉพาะไฟล์ข้อมูลเท่านั้น (ไม่ได้ติดไวรัสมาด้วย)
ประเด็นที่สำคัญก็คือ ควรแน่ใจว่าคุณกำลังเชื่อมต่อแฟลชไดร์กับคอมพิวเตอร์ที่รันซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ได้รับการอัพเดตสม่ำเสมอ และในกรณีที่คอมพ์ของคุณรันแอนตี้ไวรัส เวลาต่อกับแฟลชไดร์ ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสในเครื่องคอมพ์จะสแกนแฟลชไดร์ให้ด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่แน่ใจแฟลชไดร์ที่รับมา ก็ไม่ควรเชื่อมต่อเข้ากับคอมพ์ของคุณเด็ดขาด
3. เข้ารหัสข้อมูล เพื่อรักษาความลับ
ถ้าหากแฟลชไดร์ของคุณหาย นั่นหมายความข้อมูลของคุณตกไปอยู่ในมือของผู้ที่พบมันด้วย และถ้าหากคนผู้นั้นบังเอิญเป็นคู่แข่งคุณโดยตรง อะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้น หากคุณใช้แฟลชไดร์เก็บข้อมูลสำคัญ การเข้ารหัสข้อมูลดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้
การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) จะทำให้ข้อมูลเปิดอ่านไม่รู้เรื่องจนกว่าจะได้รับพาสเวิร์ดที่ถูกต้อง ซึ่งควรเลือกเข้ารหัสที่ระดับ 128 บิต เพื่อความปลอดภัย แฟลชไดร์รุ่นใหม่ๆ จะมาพร้อมกับคุณสมบัติการเข้ารหัสข้อมูลมาด้วย แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจนะว่า ซอฟต์แวร์ที่ให้มาไม่ใช่รุ่นทดลอง เพราะไม่เช่นนั้น คุณอาจจะต้องจ่ายตังค์ค่าซอฟต์แวร์ในภายหลัง
4. สำรองข้อมูลให้เป็นนิสัย
ไม่ปฏิเสธครับว่า เวลาแฟลชไดร์หาย เราคงรู้สึกไม่ดีแน่นอน แม้ข้อมูลที่อยู่ในนั้นจะได้รับการปกป้องด้วยการเข้ารหัสไว้แล้วก็ตาม แหม...ก็มันต้องเสียเงินอีกแล้วน่ะสิ แต่มันคงรู้สึกเจ็บใจเป็นสองเท่า หากข้อมูลที่อยู่ในนั้นเราไม่เคยได้ทำแบ็กอัพสำรองเอาไว้เลย
ดังนั้น วิธีที่สุดคือ แนะนำให้คุณสำรองแฟลชไดร์ไว้สักสองสามก๊อปปี้ เพราะนอกจากพวกมันจะหายง่ายแล้ว ยังเสียง่ายอีกด้วย เนื่องจากแฟลชไดร์ส่วนใหญ่จะใช้กรอบเป็นพลาสติก ซึ่งแตกหักได้ง่าย
5. ถอดแฟลชไดร์ออกจากเครื่องอย่างถูกต้อง
ก่อนที่คุณจะดึงแฟลชไดร์ออกจากพอร์ตยูเอสบีบนคอมพิวเตอร์ ให้คุณปิดโปรแกรมทุกตัวที่มีการเข้าถึงไฟล์ต่างๆบนแฟลชไดร์เสียก่อน จากนั้นคลิกไอคอน Safely Remove Hardware (ที่มีลูกศรสีเขียวปรากฎอยู่ในมุมล่างขวาบนทาสก์บาร์) แล้วคลิกเลือกแฟลชไดร์ที่ปรากฏอยู่ในรายการ
ขอบคุนมากค่ะ
ตอบลบขอบคุนมาก ๆเรยคับ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบแฟตไดร์ผม โดนไวรัสกิน สแกนก้ไมไ่ด้ T T
ตอบลบแฟตไดร์ฟ ไวรัสกินสแกนไม่ได้แนะนำหั้ยformat ค่ะ โปรแกรมสแกนไวรัสบางตัวก้ไม่สามารถเห็นไวรัสน่ะค่ะ :)
ตอบลบดีค๊าบคับผมๆๆ
ตอบลบ^^
แฟลชไดร์ ผมโดนไวรัสบ่อยมากๆเลยอ่า ชอบให้เพื่อนยืม
ตอบลบขอบคุงที่บอกวิธีนะคับบ
แต๊งกิ้วค่ะ ได้ความรู้ล้นเลย
ตอบลบวันหลังจา มาหาความรู้ในนี้อีก
แฟลชไดร์กะ แฮนดี้ไดร์ฟ ต่างกันป่ะคัฟฟ
ตอบลบสงสัยมากมายยย ตอบด้วยน๊ะคํฟ